วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

แนะนหนังสือน่าอ่าน

รักบริสุทธิ์ ฉบับรวมความรัก+เหรียญ  
หนังสือ รักบริสุทธิ์ ฉบับรวมความรัก+เหรียญ
รหัส : 9786169141914 000 CB
ราคาปกติ :  69.00 บาท      
รายละเอียดย่อ :
หนังสือ รักบริสุทธิ์ ฉบับรวมความรัก+เหรียญ
ความรักที่คิดจะครอบครองนั้น เป็นความรักที่เห็นแก่ตัว ก่อทุกข์ได้ง่าย
รายละเอียดทั้งหมด :
 หนังสือ รักบริสุทธิ์ ฉบับรวมความรัก+เหรียญ
    ความรักที่คิดจะครอบครองนั้น เป็นความรักที่เห็นแก่ตัว ก่อทุกข์ได้ง่าย ส่วนความรักที่คิดจะให้ คือ ความรักอันบริสุทธิ์ที่แท้จริง จะไม่ก่อโทษใดๆ แก่ใจเราเลย...

วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557




User Rating:  / 8 
PoorBest 
การดูแลสุขภาพระหว่างตั้งครรภ์ ระหว่างการตั้งครรภ์ ร่างกายอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง อาการแพ้ท้องจะมีมากใน 3 เดือนแรก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เมื่อตื่นนอน จะมีอาการมึนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน บางคนอาจมีอาการมาก รับประทานอาหารไม่ได้ หลังตื่นนอนตอนเช้า ควรดื่มน้ำผลไม้ และรับประทานขนมปังกรอบทันที จะทำให้รู้สึกดีขึ้น ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นฉุนจัด เพราะอาจทำให้คลื่นไส้มากขึ้น นอกจากนี้อาจอยากรับประทานอาหารแปลกๆ รสเปรี้ยว ซึ่งสามารถรับประทานได้
อาการปวดหลังพบได้บ่อยเกือบครึ่งหนึ่งของสตรีมีครรภ์ โดยมักปวดที่หลังส่วนล่าง ระหว่างก้นทั้งสองข้าง ร้าวลงไปที่ต้นขา มักเป็นช่วงท้ายๆ ของการตั้งครรภ์ การยืนนานๆ ในท่าที่ไม่ถูกต้อง หรือยกของหนักเกินไป ทำให้ปวดหลังได้ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มขึ้นขณะตั้งครรภ์ ทำให้ข้อกระดูก และเอ็นต่างๆ คลายตัวหลวมมากขึ้น ความแข็งแรงของข้อลดลง จึงทำให้ปวดหลังได้ ควรพยายามนอนพื้นเรียบ ใช้หมอนหนุนหลังเวลานั่ง อย่าก้มหยิบของ ควรใช้วิธีนั่งหยิบแทน และควรใส่รองเท้าส้นเตี้ย อาจให้สามีช่วยนวดหลังเบาๆ นอกจากจะคลายปวดแล้ว ยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ด้วย
อาหาร
  1. คุณแม่จะรับประทานอาหารได้ดีขึ้น เมื่ออาการแพ้ท้องหายไป
  2. ควรเลือกอาหารที่มีประโยชน์ ประเภทเนื้อสัตว์ ไข่ นม ผัก ผลไม้
  3. ไม่ควรรับประทานอาหารพวก ข้าว แป้ง น้ำตาล ขนมหวาน ไขมันมากเกินไป
  4. ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารดิบๆ สุกๆ ของหมักดอง ผงชูรส ชา กาแฟ เหล้า และบุหรี่
การพักผ่อน
  1. ระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่จะรู้สึกเหนื่อย และอ่อนเพลียง่าย กลางคืนควรนอนหลับให้เต็มอิ่ม ประมาณ 8-10 ชั่วโมง และควรหาเวลานอนพักในตอนบ่ายอีกอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
  2. การลดจำนวนการดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม ให้เหลือน้อยที่สุด ถ้าหากคุณต้องการจะดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ให้จำกัดเฉพาะในเวลาเช้า หรือตอนบ่ายต้นๆ
  3. ควรงดดื่มน้ำ หรืออาหารเหลว หรือรับประทานอาหารอิ่มจนเกินไปก่อนที่จะเข้านอนสองสามชั่วโมง แต่ขอให้แน่ใจว่าคุณได้รับสารอาหาร และน้ำอย่างเพียงพอตลอดวัน การรับประทานอาหารมื้อเช้า และเที่ยงหนักๆ และรับประทานอาหารเย็นเบาๆ สามารถช่วยได้ และหากมีอาการคลื่นไส้นอนไม่หลับ การรับประทานขนมปังกรอบสองสามแผ่นก่อนเข้านอนอาจช่วยได้
  4. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหักโหมก่อนเข้านอน แต่ให้ทำอะไรที่เบาๆ และผ่อนคลายแทน และหากเป็นตะคริวที่ขาปลุกให้ตื่นนอนในตอนกลางคืน การกดเท้าแรงๆ ลงกับผนังห้องหรือลุกขึ้นยืนอาจช่วยได้
  5. ถ้ายังนอนไม่หลับ ให้ลุกขึ้นมาหาอะไรทำ เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง ดูโทรทัศน์ หรือหากิจกรรมอื่นๆ ที่เพลิดเพลินทำแทน แล้วในที่สุดก็จะเหนื่อย และนอนหลับได้เอง
  6. นอนงีบ 30-60 นาที ระหว่างวัน เพื่อชดเชยเวลานอนที่สูญเสียไป
การออกกำลังกาย
  1. ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารดี ร่างกายแข็งแรง เช่น เดินเล่นในที่ที่มีอากาศปลอดโปร่ง ทำงานบ้านเบาๆ บริหารร่างกายด้วยท่าง่ายๆ
  2. ข้อควรระวัง คือ อย่าออกกำลังกายหักโหมจนร่างกายเหนื่อย อ่อนเพลีย หรือกระทบกระเทือนท้อง
การบริหารร่างกายสำหรับคุณแม่ก่อนคลอด
  • ท่าที่ 1 ยืนตรง มือเท้าเอง เท้าแยกพอประมาณ หลังตรง หาหนังสือเล่มหนาๆ ประมาณ 1-2 เล่ม วางอยู่ระหว่างเท้า ค่อยๆ ย่อขาลงหยิบหนังสือขึ้นจากพื้น แล้วยืนขึ้น ทำซ้ำ 5 ครั้ง
  • ท่าที่ 2 นั่งขัดสมาธิ หลังตรง มือซ้ายจับเข่าขวา พยายามบิดตัวไปทางขวาช้าๆ
  • ท่าที่ 3 นอนหงายชันเข่า ยกสะโพกขึ้นจากพื้นจนตึง ค้างไว้แล้วลดลง ทำซ้ำ 5 ครั้ง
  • ท่าที่ 4 นั่งคุกเข่าให้มือทั้งสองข้างวางบนพื้น ออกแรงโค้งหลังขึ้นขางบนจนสุดแล้วค้างไว้ ทำซ้ำ 5 ครั้ง
  • ท่าที่ 5 เอียงคอไปด้านซ้าย และกลับมาตรง เอียงคอไปด้านขวา และกลับมาตรง ก้มคอไปด้านหน้า และกลับมาตรง ทำซ้ำอย่างละ 5 ครั้ง
  • ท่าที่ 6 ยืนตรง มือทั้งสองข้างแตะไหล่หมุนไหล่เป็นวงกลม ไปข้างหลัง ทำซ้ำ 5 ครั้ง
  • ท่าที่ 7 ยืนตรงกางแขนทั้งสองข้างออก ก้มตัวไปข้างขวา แตะเข่าด้านข้าง ทำซ้ำข้างละ 5 ครั้ง
  • ท่าที่ 8 นอนหงาย ชันเข่าแขนตึง มือทั้งสองข้างวางบนต้นขา ออกแรงเกร็งท้องจนมือแตะเข่า ค้างไว้สักครู่ ทำซ้ำ 5 ครั้ง
การรักษาความสะอาดร่างกาย
  1. ระยะตั้งครรภ์จะรู้สึกร้อน และเหงื่อออกมาก ควรอาบน้ำให้ร่างกายสะอาดสดชื่น แต่ถ้าอากาศเย็นควรอาบน้ำอุ่น และให้ความอบอุ่นกับร่างกาย
  2. ถ้าผิวแห้งตึงให้ใช้โลชั่นทาหลังอาบน้ำ
การดูแลปาก และฟัน
  1. หญิงตั้งครรภ์มักมีปัญหาฟันผุ และเหงือกอักเสบได้ง่าย
  2. ควรแปรงฟันอย่างถูกวิธีวันละ 2 ครั้ง และบ้วนปากด้วยน้ำสะอาด หรือแปรงฟันทุกครั้งหลังอาหาร
  3. ในระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่บางท่านอาจรู้สึกว่าอยากทานอาหารแปลกๆ และส่งผลให้เหงือกอาจจะอักเสบ หรือบวมได้ และอาจรู้สึกขยับปากลำบาก จึงอาจละเลยเรื่องการรักษาสุขอนามัยภายในช่องปาก จึงส่งผลให้มีคราบสะสมภายในช่องปาก และมีโอกาสเกิดฟันผุได้มากขึ้น
  4. โรคเหงือกอักเสบในระหว่างตั้งครรภ์ หลอดเลือดฝอยในบริเวณเหงือกมีฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้เกิดเลือดคลั่งในเหงือก และเหงือกมีภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อลดลง หรือที่รุนแรงกว่านั้น คือทำให้เกิดเนื้องอกที่เหงือก เหงือกมีสีแดงเข้ม และไม่เจ็บปวด ซึ่งเหงือกมีเลือดคั่งอย่างมาก และเหงือกมีเลือดออกเป็นประจำ แต่เนื้องอกหรืออาการเลือดออกดังกล่าวจะค่อยๆ หายไปเมื่อเข้าสู่ช่วงปลายของการตั้งครรภ์ ไม่แนะนำให้ตัดเนื้องอกนี้ทิ้ง นอกจากว่าจะเกิดแผลในช่องปากหรือมีปัญหาในการเคี้ยวอาหาร
  5. หากมีโรคเกี่ยวกับเยื่อหุ้มฟันอยู่แล้ว อาการอาจรุนแรงขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์
  6. ฟันอาจโยกได้มากขึ้น
  7. สตรีมีครรภ์บางท่านอาจรู้สึกคลื่นไส้ และอาเจียน ส่งผลให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมา และอาจกัดกร่อนฟันได้ ปกติแล้ว ฟันที่ถูกกัดกร่อนจะเป็นซี่ที่ติดกับด้านข้างลิ้น
การดูแลเต้านม
  1. ขณะตั้งครรภ์เต้านมจะขยายขึ้น เพื่อเตรียมสร้างน้ำนมให้ลูกน้อย ควรเปลี่ยนยกทรงให้มีขนาดพอเหมาะใส่สบาย
  2. คุณแม่บางคนอาจจะมีน้ำนมไหลซึมออกมา ไม่ต้องกังวลใจ เวลาอาบน้ำให้ล้างเต้านมด้วยน้ำสะอาด ไม่ควรฟอกสบู่เพราะจะทำให้ผิวแห้งมาก อาจใช้โลชั่นทานวด เมื่อรู้สึกผิวแห้งตึง หรือคัน
  3. ถ้ามีปัญหาหัวนมสั้น หัวนมบอด หรือผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์หรือพยาบาลที่ฝากครรภ์ก่อนที่จะคลอด มิฉะนั้นอาจจะมีอุปสรรคต่อการให้นมลูก
การมีเพศสัมพันธ์
  1. ไม่มีข้อห้ามในผู้ตั้งครรภ์ปกติ แต่ควรงดเว้นใน 1 เดือน สุดท้ายก่อนคลอด
  2. ในรายที่เคยแท้ง ควรงดเว้นการมีเพศสัมพันธ์ในระยะ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์
  3. ในรายที่มีปัญหาอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์ หรือพยาบาลผู้ตรวจครรภ์
น้ำหนักตัวในระหว่างตั้งครรภ์
  1. โดยทั่วไปแพทย์มักจะแนะนำหญิงตั้งครรภ์ว่าควรมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นไม่เกิน 10 กิโลกรัมตลอดการตั้งครรภ์ แต่ถ้ามีน้ำหนักตัวเพิ่มไม่ถึงเกณฑ์กำหนดมักจะพบว่าทารกที่เกิดมาจะมีน้ำหนักตัวแรกเกิดต่ำกว่าปกติ หรือทารกน้ำหนักน้อย ตัวเล็กผิดปกติ ขณะเดียวกันหญิงตั้งครรภ์ถ้ากินมากเกินไปจะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมาก และทำให้เกิดปัญหาต่อการตั้งครรภ์หลายประการ เช่น ทารกตัวโตคลอดลำบาก หญิงตั้งครรภ์ที่มีน้ำหนักตัวมากจะทำให้เหนื่อยง่าย ปวดหลังมากขึ้น เส้นเลือดขอดมากขึ้น และทำให้แผลผ่าตัดติดช้า เกิดภาวะตกเลือดหลังคลอดได้ง่าย
  2. บางครั้งหญิงตั้งครรภ์ที่มีน้ำหนักตัวเพิ่มมากๆ มิได้หมายความว่าทารกในครรภ์จะตัวโตเสมอไป อาจจะได้ทารกน้ำหนักน้อยก็มี ทั้งนี้เนื่องจากภาวะโภชนาการที่ไม่เหมาะสม โดยเน้นที่ปริมาณมากกว่าคุณภาพ การเพิ่มน้ำหนัก 10 กิโลกรัมต่อการตั้งครรภ์ เป็นน้ำหนักโดยเฉลี่ยที่ต้องพิจารณาตามรูปร่าง และขนาดตัวของหญิงตั้งครรภ์ เช่น ผู้ที่มีรูปร่างเล็ก และมีขนาดตัวก่อนการตั้งครรภ์น้อยกว่า 5 กิโลกรัม การเพิ่มของน้ำหนักตัวตลอดการตั้งครรภ์ อาจจะน้อยกว่า 10 กิโลกรัมได้ ทั้งนี้น้ำหนักที่เพิ่มจะเป็นน้ำหนักของทารก 3 กิโลกรัม และเป็นน้ำหนักของรก น้ำหล่อเด็ก เนื้อเยื่อที่ยืดขยายของเต้านม มดลูก เป็นต้น อีก 5-6 กิโลกรัม
  3. หญิงตั้งครรภ์ที่ควรจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากเป็นกรณีพิเศษ คือผู้ที่มีน้ำหนักตัวเพิ่มมากเป็นกรณีพิเศษ คือผู้ที่มีน้ำหนักตัวต่ำกว่ามาตรฐานในขณะก่อนตั้งครรภ์ โดยในระยะไตรมาสแรกควรจะพยายามปรับให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเท่ามาตรฐาน แล้วใช้เวลาในระยะ 6 เดือนต่อมาเพิ่มน้ำหนักให้ได้เท่าที่ต้องการตลอดการตั้งครรภ์ หญิงตั้งครรภ์ที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานก่อนการตั้งครรภ์ ต้องระวังดูแลให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่เหมาะสม โดยเลือกกินอาหารเป็นพิเศษ
  4. ระยะเวลาตลอดการตั้งครรภ์ไม่ใช่เวลาที่จะควบคุมน้ำหนักด้วยการงดอาหารอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้เพราะทารกจะได้พลังงานจากการเผาผลาญไขมันของหญิงตั้งครรภ์เท่านั้น แต่จะไม่ได้สารอาหารใดๆ ทั้งสิ้น หญิงตั้งครรภ์แฝดสอง หรือแฝดสาม มิได้หมายความว่าจะต้องมีน้ำหนักเพิ่มเป็นสอง หรือสามเท่าตามจำนวนทารกในครรภ์ แต่อาจจะเพิ่มน้ำหนักโดยเฉลี่ย 5 กิโลกรัมต่อทารก 1 คน โดยกินอาหารภายใต้การดูแลของแพทย์
  5. อัตราการเพิ่มของน้ำหนักตัว โดยเฉลี่ยน้ำหนักตัวของหญิงตั้งครรภ์จะมีการเพิ่มน้อยในช่วงระยะไตรมาสแรกคือประมาณ 1-2 กิโลกรัมเท่านั้น และจะมีน้ำหนักเพิ่มอย่างรวดเร็วในช่วงไตรมาสที่สองจนถึงต้นไตรมาสที่สาม คือในอายุครรภ์ 3-8 เดือน น้ำหนักจะเพิ่มโดยเฉลี่ย 1/2 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ และในระยะเดือนสุดท้ายน้ำหนักจะคงที่หรือลดลงบ้างเล็กน้อยประมาณ 1/2 กิโลกรัมดังนั้นในไตรมาสที่สามน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นเพียง 2-3 กิโลกรัมเท่านั้น
การดูแลผิวพรรณขณะตั้งครรภ์
เมื่อผู้หญิงเริ่มตั้งครรภ์จะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านสรีระ และอารมณ์ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนหลายชนิด ผิวพรรณที่มีการเปลี่ยนแปลงไปมักก่อให้เกิดความกังวลใจไม่น้อย การรับรู้ถึงภาวะปกติ และไม่ปกติที่เกิดขึ้นกับผิวพรรณขณะตั้งครรภ์จะช่วยให้รับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นโดยไม่ต้องกังวล
  1. รอยคล้ำ จะสังเกตได้ว่าบริเวณข้อพับของร่างกายมีสีเข้มขึ้นตั้งแต่รักแร้ ขาหนีบ ต้นขาด้านใน รวมถึงหัวนม และอวัยวะเพศ แต่ที่กลัวกันมากที่สุด คือ มีฝ้าขึ้นที่หน้า โดยเฉพาะคนที่ถูกแสงแดดเป็นประจำ กระที่เป็นอยู่แล้วก็มักสีเข้ม และเพิ่มจำนวนมากขึ้นแต่อย่าเพิ่งกังวล รอยคล้ำต่างๆ เหล่านี้จะค่อยๆ จางลงอย่างช้าๆ ภายหลังคลอด
  2. สิว เนื่องจากอิทธิพลของฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไประหว่างตั้งครรภ์ มีผลต่อการทำงานของต่อมไขมันทำให้บางคนเกิดเป็นสิวเห่อขึ้นที่หน้า และตัวได้ แต่กับบางคนก่อนตั้งครรภ์เป็นสิวง่าย พอตั้งครรภ์แล้วสิวหายหน้าผ่องก็มี
  3. รอยแตกลาย เกิดขึ้นจากการยืดตัวของผิวหนังขณะตั้งครรภ์มักพบบริเวณหน้าท้อง สะโพก ก้น หน้าอกต้นขา อาจเป็นสีชมพู ม่วง หรือดำในคนผิวคล้ำ บางคนอาจมีอาการคันร่วมด้วยหลังคลอดอาจจางลงได้เล็กน้อย
  4. ติ่งเนื้อสีน้ำตาลดำ มักเกิดขึ้นที่คอ รักแร้
  5. การติดเชื้อรา ที่ผิวหนังบริเวณที่มีการอับชื้น เนื่องจากคนท้องมักขี้ร้อน เหงื่อออกง่าย จึงเกิดจุดอับชื้นบริเวณซอกพับที่สรีระมีการเปลี่ยนแปลงไป เช่น ใต้ราวนมรักแร้ขาหนีบเป็นสาเหตุของการติดเชื้อราแคนดิดาได้ง่าย
  6. โรคผื่นคันในคนท้อง มีลักษณะเป็นผื่นลมพิษตุ่มแดง คัน ที่ไม่ได้เกิดจากการแพ้อาหารหรือสารเคมีมักเป็นเมื่อครรภ์แก่ในช่วงสามเดือนก่อนคลอด ผื่นคันนี้อาจลามกระจายทั้งตัวได้ แต่หลังคลอดผื่นก็จะค่อยๆ จางหายไป



วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2557

การจัดสวน

แบบสวน การจัดสวน

ชม แบบสวน การจัดสวน เพื่อสร้างวิวทิวทัศน์ให้กับบ้านกว่า 40 แบบ เป็นไอเดียในการสร้างสวนสวยให้บ้านของคุณ จากตัวอย่างที่มีทั้ง สวนหิน สวนน้ำ สวนหย่อม สวนหน้าบ้าน สวนหลังบ้าน สวนข้างบ้าน ไปจนถึงสวนขนาดใหญ่สำหรับบ้านที่มีพื้นที่กว้าง คุณยังจะได้เห็นแบบอยา่งสวนสวยมากมายหลากหลายสไตล์ที่ประดับตกแต่งได้อย่างลงตัวสวยงาม ทั้งดอกไม้ ต้นไม้ พืชพรรณต่างๆ นานาชนิด ที่ช่วยให้บรรยากาศของสวนอบอวลไปด้วย สีสัน ของความเป็นธรรมชาติ แบบสวน หลายแบบก็มี การจัดสวน ตกแต่งสวนให้ดูมีความทันสมัย ประดับประดาด้วยของแต่งสวนและของแต่งบ้าน ที่นำมาจัดวางเพื่อสร้างบรรยากาศของการพักผ่อน ทั้งเก้าอี้ โต๊ะ ที่นั่งต่างๆ ช่วยให้สวนดูมีสเน่ห์ มีสไตล์แตกต่างกันไป
แบบสวน การจัดสวน
แบบสวน การจัดสวน
แบบสวน การจัดสวน
แบบสวน การจัดสวน

ส่งเสริมการอ่าน

ส่งเสริมการอ่านสำหรับเด็ก

สวนพฤกษศาสตร์ (ทุ่งค่าย)

 สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย)

ชมวิวเรือนยอดไม้ ณ สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย)

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย)

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย)

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย)

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย)

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย)

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย)

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย)

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบโดย Kapook.com

          ป่าใหญ่กลางเมือง แหล่งเรียนรู้ธรรมชาติ และแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่ตั้งสะพานศึกษา เรือนยอดไม้แห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย...นี่คือคำจำกัดความของ สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย) หรือ Peninsular Botanical Garden

          สถานที่ท่องเที่ยวสำหรับผู้สนใจศึกษาธรรมชาติและพรรณไม้โดยเฉพาะ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 2 ถนนตรัง-ปะเหลียน อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ในพื้นที่ 2,600 ไร่ และวันนี้กระปุกดอทคอมเลยจะพาเพื่อน ๆ ไปท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เพื่อเรียนรู้ธรรมชาติที่ สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย) กันค่ะ 

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย)


ความเป็นมา

          สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย) แต่เดิมชื่อ สวนรุกขชาติทุ่งค่าย เริ่มจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2529 โดยกรมป่าไม้ ตามนโยบายของนายชวน หลีกภัย (ขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ) เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 และเป็นสถานที่อนุรักษ์พันธุ์ไม้ - สัตว์ป่า และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับประชาชนทั่วไป

          ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2536  ได้พัฒนายกฐานะเป็น สวนพฤกษศาสตร์ และมี ศ.ดร.เต็ม สมิตินันท์ ผู้เชี่ยวชาญพฤกษศาสตร์ป่าไม้ เป็นประธาน จากนั้นในปี พ.ศ. 2546 มีการปรับปรุงระบบราชการสวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย) จังหวัดตรัง มาสังกัดสำนักบริหารจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ 20 กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช  กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม

          หากเอ่ยถึงพื้นที่ป่าไม้ ทุกคนคงนึกถึงผืนป่าใหญ่กว้างขวาง มีเทือกเขาทอดตัวเป็นแนวยาว หรือมีเขาสูงเตี้ยสลับกันไป แต่ สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย) สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ เป็นต้นน้ำของลำห้วยเล็ก ๆ ลักษณะป่าจะเป็นป่าดิบชื้น ป่าพรุ และทุ่งหญ้า เป็นพื้นที่ป่าไม้ที่แวดล้อมด้วยชุมชมเล็ก ๆ โดยรอบ จึงกล่าวได้ว่าเป็นเมือง (ชุมชน) ล้อมป่า มิใช่ป่าล้อมเมืองเฉกเช่นผืนป่าโดยทั่วไป ในอดีตผืนป่าแห่งนี้เป็นแหล่งอาหารของชุมชน มีชาวบ้านเข้าไปหาของป่า ทั้งสัตว์ป่า พืชผัก และผลไม้ป่า

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย)

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย)

          สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย) เดิมที่เป็น สวนรุกขชาติทุ่งค่าย มีการจัดแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน จำแนกตามประเภทของพันธ์ไม้แยกได้ ดังนี้...

           สวนอนุกรมวิธาน : แหล่งรวบรวมพันธุ์พืชถิ่นใต้
           สวนสัณฐานวิทยา : แหล่งเรียนรู้ลักษณะต่าง ๆ ของพืช
           สวนกล้วยไม้ : สวนรวบรวมพันธุ์กล้วยไม้ต่าง ๆ 
           สวนพืชทนแล้ง : แหล่งรวมพืชที่ปรับตัวได้
           สวนพฤกษศาสตร์พื้นบ้าน : สวนรวมการใช้ประโยชน์ต่าง ๆ จากพืช
           สวนรวมพรรณไม้แห่งความรัก : พื้นที่ปลูกต้นไม้ของคู่รัก ที่เข้าร่วมพิธีวิวาห์ใต้สมุทร
           สวนเฟิร์น
           พืชกินแมลง
           พืชวงศ์ปาล์ม
           พืชวงศ์ยาง

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย)

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย)

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย)

สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้

ผักสวนครัว

    ผักสวนครัวมากประโยชน์

    8 ผักสวนครัวมากประโยชน์


    ผักสวนครัว

    8 ผักหนีน้ำมากประโยชน์ (Modern Mom)
    เรื่อง : มอลลี่ 
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ku.ac.th

              หากใจรักการปลูกต้นไม้ใบหญ้าละก็ แนะนำให้ปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้กินค่ะ เพราะบางต้นสวยด้วย กินได้ด้วย ประโยชน์ครบถ้วนด้วย ไปดูผักสวนครัวถ้ามีรั้วก็ปลูกได้ค่ะ จะเลือกผักหรือเลือกต้นไม้แบบไหนนั้น หลักการเลือกคือต้อง "ง่าย" ปลูกง่าย ดูแลง่าย กินง่าย และได้รับประโยชน์ไปอย่างง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน... มาดูผักตระกูลง่าย ๆ กันค่ะ"


     มะเขือเทศ

    มะเขือเทศ

              ลูกเล็กส้ม แดง ต้นไม่ใหญ่ แต่ประโยชน์มากมี กินแล้วผิวสวยเชียวค่ะ เลือกปลูกมะเขือเทศต้นเล็ก แต่อย่าลืมหาไม้หลักปักให้ด้วยนะคะ เพราะมะเขือเทศเป็นไม้เลื้อยค่ะ

    ประโยชน์

              มะเขือเทศเป็นราชินีของวิตามินซี เมื่อเทียบกับมะเขือเทศขนาดปานกลางจะมีปริมาณวิตามินซีครึ่งหนึ่งของส้มโอทั้งผล แถมยังมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ ไลโคปีน มีคุณสมบัติช่วยลดการเกิดมะเร็งลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมาก และสำหรับสาว ๆ เรื่องบิวตี้มะเขือเทศก็เป็นนางเอกชั้นดี เพราะเครื่องสำอางหลายเจ้าก็มีส่วนผสมของมะเขือเทศ วิธีง่าย ๆ อย่างใช้น้ำมะเขือเทศพอกหน้า หรือใช้มะเขือเทศผ่านบาง ๆ จะช่วยสมานผิวหน้าให้เต่งตึง ลดริ้วรอย ผิวนุ่มชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน ผิวหน้าอ่อนนุ่มด้วยการแปะลงบนหน้าค่ะ


     สะระแหน่

    สะระแหน่

              มีฤทธิ์เย็นรสเผ็ดนิดหน่อย รสชาติออกมินต์แบบไทย ๆ

    ประโยชน์

              ช่วยขับเหงื่อและความร้อน ขับพิษไข้ หรือใช้ใบสด ๆ นำมาตำให้ละเอียดพอกบริเวณที่แมลงสัตว์กัดต่อย หากมีอาการบิด หรือท้องร่วง ใช้ใบสดต้มดื่มแต่น้ำ และถ้าใช้สะระแหน่สดบดแล้วทาบนผิวจะช่วยไล่ยุงได้ ส่วนกลิ่นของสะระแหน่ หากนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยมีส่วนช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ได้


     มะกรูด

    มะกรูด

              จัดอยู่ในกลุ่มของสมุนไพรชั้นเลิศของไทยมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว แต่ประโยชน์ก็จัดจ้านไม่น้อยเลยค่ะ แถมกลิ่นของต้นมะกรูดปลูกไว้หลังห้องกลิ่นจะช่วยไล่แมลงบางชนิดได้อีกด้วยนะคะ

    ประโยชน์

              เริ่มต้นที่การนำใบมะกรูดมาเป็นเครื่องแกงค่ะ ช่วยดับกลิ่นคาวในอาหาร และช่วยบรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้ หรือจะช่วยบรรเทาอาการเลือดออกตามไรฟันด้วยการนำใบสด ๆ มาถูฟัน หรือมีเวลามากหน่อยอยากได้น้ำมะกรูดจิบระหว่างวัน ก็ผ่านเปลือกบาง ๆ นำไปชงในน้ำเดือด ใส่การบูรลงไปเล็กน้อย จะช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะได้ และปิดท้ายเรื่องความสวยงามหากเวลาน้อยแต่อยากมีผมที่ดกดำ และยังช่วยกำจัดเชื้อราบริเวณหนังศีรษะได้อีกด้วย


     พริก

    พริก

              ตัวเล็กกะจิ๊ด แต่ฤทธิ์เธอมากมีนะคะ ลำต้นเล็ก ขึ้นง่าย ไม่ลำบากในการดูแล เลือกต้นกล้าดูท่าแข็งแรงแล้วปลูกลงในกระถาง รดน้ำวันละ 1 ครั้ง ตากแดดริมระเบียงก็ได้ค่ะ เพราะเป็นไม้ทนแดดได้ดี

    ประโยชน์

              พริกมีวิตามินซีสูง เบต้าแคโรทีนหรือวิตามินเอ และกรด Ascorbic มีส่วนช่วยขยายเส้นเลือดในลำไส้ ช่วยในการดูดซึมอาหารให้ดีขึ้น นอกจากนี้ในพริกยังมีสาร Capsaicin สารที่ให้ความเผ็ด และคุณสมบัติช่วยลดความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อต่าง ๆ และเดี๋ยวนี้มีรูปแบบครีมหรือโลชั่นแล้ว ระหว่างวันหากรู้สึกปวดเมื่อยลองทาครีมหรือโลชั่นส่วนผสมจากพริกดูนะคะ ช่วยคลายความปวดเมื่อยได้ค่ะ

     ผักชี

    ผักชี

              โดดเด่นด้วยการดับกลิ่นคาวในอาหารโดยเฉพาะ หลายคนอาจจะไม่ชอบกลิ่น แต่ผักชีมีประโยชน์ไม่น้อย แถมปลูกไว้ในสวนให้อารมณ์เหมือนดอกไม้ด้วยนะคะ

    ประโยชน์

              กลิ่นไม่ดีแต่ช่วยให้เจริญอาหารได้นะคะ รักษาอาการหวัด ละลายเสมหะ ขับเหงื่อและขับลม ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ โดยใช้ต้นผักชีสด ๆ หรือผักชีตากแห้งนำไปต้มกับน้ำ คั้นเอาเฉพาะน้ำและดื่มจิบระหว่างวัน